ความรู้สัตว์เลี้ยง
ความรู้สัตว์เลี้ยง วิธีตรวจวินิจฉัย วิธีการรักษา

วัคซีนสำคัญสำหรับแมว
1. FVRCP คืออะไร ?
FVRCP เป็นวัคซีนรวมที่ช่วยป้องกันโรคร้ายแรง 3 ชนิด ได้แก่:
- Feline Viral Rhinotracheitis (FVR): โรคหวัดแมวที่เกิดจากไวรัสเฮอร์ปีส์ ซึ่งทำให้แมวมีอาการน้ำมูกไหล จาม และติดเชื้อทางเดินหายใจ
- Calicivirus (C): ไวรัสที่ทำให้เกิดแผลในปาก แผลที่ลิ้น และอาการปอดบวม
- Panleukopenia (P): หรือที่เรียกว่า “ไข้หัดแมว” เป็นโรคร้ายแรงที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันและลำไส้ของแมว
2. Rabies คืออะไร ?Rabies หรือโรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัส และสามารถแพร่จากสัตว์สู่สัตว์ หรือจากสัตว์สู่คนได้ หากแมวติดเชื้อโรคนี้ อาการจะรุนแรงและอาจถึงแก่ชีวิต วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เพื่อสุขภาพของแมว แต่ยังช่วยป้องกันการแพร่ระบาดสู่คนด้วย
3. FeLV คืออะไร ?
FeLV หรือ Feline Leukemia Virus เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคลิวคีเมียในแมว ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคโลหิตจาง และมะเร็ง วัคซีน FeLV จึงช่วยป้องกันแมวจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งเป็นโรคที่อาจทำให้แมวเสียชีวิตได้
ตารางการฉีดวัคซีนสำหรับแมว
ช่วงวัยลูกแมว (2-7 เดือน)
2 เดือน
- FVRCP (เข็มที่ 1): วัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัดแมว, โรคหวัดแมว และโรคลำไส้อักเสบ
3 เดือน
- FVRCP (เข็มที่ 2)
Rabies (เข็มที่ 1): วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถแพร่สู่คนได้
4 เดือน
- FVRCP (เข็มที่ 3)
- Rabies (เข็มที่ 2)
- FeLV/FIV Test (เข็มที่ 1): ตรวจหาเชื้อไวรัสลิวคีเมียและเอดส์แมว
6 เดือน
- FeLV/FIV Test (เข็มที่ 2)
- FeLV (เข็มที่ 1): วัคซีนป้องกันไวรัสลิวคีเมียแมว
7 เดือน
- FeLV (เข็มที่ 2)
ช่วงวัยโต (หลัง 1 ปีขึ้นไป)
หลังจากที่แมวได้รับวัคซีนครบในช่วงวัยลูกแมวแล้ว ควรฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อให้ภูมิคุ้มกันคงอยู่
วัคซีนที่ต้องฉีดทุกปี
- FVRCP
- Rabies
- FeLV
การป้องกันเพิ่มเติมที่ควรทำเป็นประจำ
- ทุก 1 เดือน: ป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ (Heartworm) และให้ยาถ่ายพยาธิ (Dewormed)
ความสำคัญของการฉีดวัคซีนแมว
1. ป้องกันโรคติดต่อร้ายแรง – เช่น โรคไข้หัดแมว, โรคหวัดแมว และโรคพิษสุนัขบ้า
2. ลดอัตราการเสียชีวิตของแมว – โรคบางชนิด เช่น ลิวคีเมียแมว หากติดเชื้อแล้วอาจทำให้แมวเสียชีวิต
3. ปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ – โรคบางชนิดสามารถแพร่กระจายจากแมวสู่คนได้
4. ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา – การฉีดวัคซีนมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ

โรคลำไส้อักเสบติดต่อ
เกิดจากเชื้อพารโวไวรัสและโคโรน่าไวรัส สุนัขที่ติดเชื้อพาร์โวไวรัสจะซึม มีไข้ เบื่ออาหาร อาเจียนและท้องเสีย ในรายที่อาการรุนแรงมากจะถ่ายเป็นเลือดและมีกลิ่นคาว ส่วนสุนัขที่ติดเชื้อโคโรน่าไวรัส อาการที่แสดงจะคล้ายกับสุนัขที่ติดเชื้อพารโวไวรัสแต่ไม่รุนแรงเท่า อย่างไรก็ตาบอาการจะรุนแรงมากขึ้นหากติดเชื้อไวรัส 2 ตัวนี้พร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะในลูกสุนัข ซึ่งติดต่อโดยการสัมผัสอจจาระของสัตว์ป่วย ซึ่งอาการจะแสดงออกหลังสัมผัสเชื้อ 7-10 วัน
โรคไข้หัดสุนัข
เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ทำให้สุนัข แสดงอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ มีน้ำบก ขี่ตา ซึ่ง ซึ่งมีใช้ บางรายติดเชื้อเข้าระบบประสาทจะมีอาการชัก กล้านเนื้อกระตุก การติดต่อผ่านทางน้ำมูก ขี้ตา น้ำลาย
โรคตับอักเสบ
โรคพิษสุนัขบ้า
โรคฉี่หนู (เลปโตสไปโรซิส)
โรคหลอดลมอักเสบติดต่อ Kennel Cough
เป็นกลุ่มอาการของโรคระบบกางเดินหายใจในสุนัข สาเหตุ เกิดจากการติดเชื่อไวรัสและแบคทีเรียผ่านการสูดดมเอาเชื้อในอากาศเข้าสู่ร่างกาย ทำให้สุนัขป่วย มีไข้ ไอ (เหมือนมีอะไรติดคอ) จาม มีน้ำมูก

โรคเฝ้าระวังในลูกหมา
1.โรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper)
2.โรคลําไส้อักเสบ (Canine Parvovirus)
3.โรคกระดูกอ่อน (Rickets)
4. โรคพิษสุนัขบ้า: แนวทางปฏิบัติเมื่อสัตว์เลี้ยงหรือคนถูกกัด

ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคลิวคีเมีย
วัคซีนลิวคีเมียและเอดส์แมว

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว
ไวรัส FeLV สามารถติดต่อได้หลายทาง เช่น
- การสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก หรือเลือดจากแมวที่ติดเชื้อ
- การใช้ชามอาหารหรือกระบะทรายร่วมกัน
- การเลียขนกันระหว่างแมวที่มีเชื้อกับแมวที่ยังไม่ติดเชื้อ
- การติดต่อจากแม่แมวที่ติดเชื้อไปยังลูกแมวตั้งแต่ในครรภ์ หรือขณะให้นม
โดยเฉพาะลูกแมวที่มีภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง จะมีโอกาสติดเชื้อได้สูงมากกว่าการติดเชื้อในแมวโต
อาการที่พบได้ในแมวที่ติดเชื้อ FeLV
ช่วงแรกหลังติดเชื้อ แมวอาจยังดูสุขภาพดีอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เชื้อไวรัสจะเริ่มกดระบบภูมิคุ้มกันและทำลายเซลล์เม็ดเลือดต่าง ๆ ส่งผลให้แมวเริ่มแสดงอาการดังนี้
- อ่อนเพลีย ซึม ไม่ร่าเริง
- น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง
- เบื่ออาหาร หรือกินได้น้อยลง
- ขนหยาบแห้ง ดูไม่เงางาม
- เหงือกซีด ตัวซีดหรือเหลือง
- มีไข้เรื้อรัง
- ช่องปากอักเสบ มีกลิ่นปาก
- ท้องเสียเรื้อรัง โดยเฉพาะในลูกแมว
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- ภาวะโลหิตจาง
- ภาวะมีของเหลวสะสมในช่องอกหรือช่องท้อง
ในบางราย แมวอาจพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย
โรคร่วมที่พบได้บ่อยในแมวติดเชื้อ FeLV
เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของแมวติดเชื้อ FeLV ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ทำให้แมวมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคอื่นๆ ได้ง่าย เช่น
- โรคมะเร็งชนิดต่างๆ (เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)
- โรคโลหิตจางเรื้อรัง
- โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
- การอักเสบของอวัยวะภายใน เช่น ไต ตับ และลำไส้
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น ภาวะเป็นหมัน หรือลูกแมวเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมวต้องอาศัยการตรวจเลือดโดยเฉพาะ ได้แก่
- การตรวจหาเชื้อไวรัส FeLV โดยใช้ชุดตรวจแบบรวดเร็ว (Snap Test)
- การตรวจเลือด CBC เพื่อดูความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
- การตรวจทางชีวเคมีในเลือด เพื่อประเมินการทำงานของอวัยวะต่างๆ
- การตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจน้ำในช่องอก, การเอ็กซ์เรย์ หรืออัลตราซาวด์
หากสงสัยว่าแมวมีความเสี่ยงติดเชื้อ FeLV ควรนำมาตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์โดยเร็ว
แนวทางการรักษาและการดูแลแมวติดเชื้อ
แม้ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา FeLV ให้หายขาด แต่การดูแลและรักษาตามอาการสามารถช่วยยืดอายุขัยและทำให้แมวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยมีแนวทางดังนี้
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ด้วยการใช้ยากระตุ้นภูมิ
- ป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม โดยการควบคุมสิ่งแวดล้อมให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแมวตัวอื่น
- การรักษาโรคแทรกซ้อน เช่น การให้ยาปฏิชีวนะในกรณีติดเชื้อแบคทีเรี
- การให้อาหารเสริมบำรุงสุขภาพ เช่น วิตามินต่าง ๆ เพื่อเสริมภูมิต้านทาน
- การรักษาประคับประคองอาการตามระบบต่าง ๆ เช่น การให้ยาลดการอักเสบ หรือการดูแลระบบทางเดินอาหาร
สัตวแพทย์จะเป็นผู้วางแผนการรักษาอย่างใกล้ชิดในแต่ละราย เพื่อให้แมวสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพที่สุด
การป้องกันโรค FeLV
การป้องกันยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่สุด โดยสามารถทำได้ดังนี้
- การฉีดวัคซีนป้องกัน FeLV ซึ่งสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ลูกแมวอายุประมาณ 8-9 สัปดาห์
- ตรวจ FeLV ก่อนนำแมวใหม่เข้าบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้
- หลีกเลี่ยงการให้แมวออกไปข้างนอก เพื่อลดความเสี่ยงสัมผัสเชื้อ
- ดูแลสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือก่อน-หลังสัมผัสแมว และทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
- ให้อาหารและน้ำดื่มที่สะอาด เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีตั้งแต่พื้นฐาน
สรุป
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในแมว หรือการติดเชื้อไวรัส FeLV เป็นโรคที่มีความรุนแรง และสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตแมวได้อย่างมาก ดังนั้น Pet Parents จึงควรให้ความสำคัญกับการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพประจำปี และดูแลสุขภาพทั่วไปอย่างใกล้ชิด หากสงสัยว่าแมวของคุณมีความเสี่ยงหรือติดเชื้อ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสมหมายเหตุ:
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนการวินิจฉัยหรือการรักษาจากสัตวแพทย์ได้ หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาได้ค่ะ ยินดีให้บริการ

โรคใตในสัตว์เลี้ยง เมื่อมีอาการเหล่านี้ควรรีบพาไปหาหมอก่อนสาย

พยาธิหนอนหัวใจภัยร้ายใกล้สัตว์เลี้ยงของคุณ
เกิดจากอะไร? ติดต่อได้อย่างไร?
ความเสี่ยงในการติดโรคพยาธิหนอนหัวใจ


ไรในหูคืออะไร?
คลินิกอายุรกรรมทั่วไป

คลินิกหมอนันท์สัตวแพทย์ เราให้บริการตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจรักษาโรคเรื้อรัง ฉีดวัคซีน รวมถึงป้องกันเห็บหมัด ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน
การรักษา
- ตรวจรักษาโรคอายุรกรรม
- ฉีดวัคซีน
- ถ่ายพยาธิ
- ป้องกันเห็บหมัด พยาธิหนอนหัวใจ
- อื่นๆ
* หากสัตว์เลี้ยงของคุณแสดงอาการผิดปกติ เช่น ดื่มน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม อย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาและการตรวจวินิจฉัย การตรวจพบและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการโรคเรื้อรังอย่างมีประสิทธิภาพ
นัดหมาย Line@NUNVET Tel:095-789-8287